ภาษาวิบัติ เป็นคำเรียกของการใช้ภาษาไทยที่เปลี่ยนแปลงไป และไม่ตรงกับกับหลักภาษาในด้านการสะกดคำ[ต้องการอ้างอิง] คำว่า 'ภาษาวิบัติ' ใช้เรียกรวมถึงการเขียนที่สะกดผิดบ่อย[ต้องการอ้างอิง] รวมถึงการใช้คำศัพท์ใหม่หรือคำศัพท์ที่สะกดแปลกไปจากเดิม[ต้องการอ้างอิง] คำว่า "วิบัติ" มาจากภาษาบาลี หมายถึง พินาศฉิบหาย หรือความ
เคลื่อนทำให้เสียหาย[ต้องการอ้างอิง]ในประเทศไทย มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงปัญหาเด็กไทยขาดการศึกษารวมถึงปัญหาภาษาวิบัติทำให้เด็กไทย ไม่สามารถใช้ภาษาไทยได้มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร[1] ในขณะเดียวกันได้มีการใช้คำว่าภาษาอุบัติแทนที่ภาษาวิบัติที่มีความหมายในเชิงลบ โดยภาษาอุบัติหมายถึงภาษาที่เกิดขึ้นมาใหม่ ตอบสนองวัฒนธรรมย่อย เช่นเดียวกับภาษาเฉพาะวงการที่เป็นศัพท์สแลง[2]ทั้งนี้ การเปิดใช้พจนานุกรมเพื่อค้นหาคำที่ควรใช้ให้ถูกต้องอาจเป็นทางเลือกที่ดี[ต้องการอ้างอิง] ทางบัณฑิตยสถาน[เป็นใคร?]ได้กำหนดคำที่ใช้อย่างเป็นทางการหรืออยู่ในรูปแบบมาตรฐาน หากใช้ผิดอาจกลายเป็นคำวิบัติได้[ต้องการอ้างอิง] ซึ่งคำวิบัติไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงของภาษาแต่อย่างใด[ต้องการอ้างอิง] เป็นเพียงการใช้ภาษาให้แตกต่างจากปกติในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรืออาจใช้จากรุ่นสู่รุ่นไปจนกว่าคำวิบัตินั้นจะหายไปจากสังคมนั้น ๆ[ต้องการอ้างอิง]นิธิ เอียวศรีวงศ์ ว่า ภาษาวิบัติเป็นการเปลี่ยนแปลงของภาษาที่ผู้ใหญ่ในสังคมไม่ชอบ แม้ภาษาจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่ผู้ใหญ่ไม่ชอบให้ภาษาเปลี่ยน[3] การให้เหตุผลว่าภาษาไทยไม่ควรเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นภาษาของชาติที่มีความศักดิ์สิทธิ์ นิธิเห็นว่าเป็นเหตุผลแบบไสยศาสตร์ ไม่ค่อยน่าฟัง[3] นิธิยังเห็นว่า ปัญหาของภาษาไทยในปัจจุบันคือ การใช้ภาษาไม่มีประสิทธิภาพ เช่น ไวยากรณ์ การใช้ศัพท์หรือการเรียบเรียง เป็นต้น และการไม่ศึกษาภาษาที่เปลี่ยนแปลงไปนี้เองที่จะเป็นเหตุให้เกิด "ภาษาวิบัติ"[3]เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ช่วงที่มีผู้สร้างภาพยนตร์ไปตั้งเป็นชื่อ หอแต๋วแตกแหวกชิมิ กาญจนา นาคสกุล ราชบัณฑิตประเภทวรรณศิลป์ สาขาวิชาภาษาไทย ระบุ คำว่า "ชิมิ" หากเป็นการใช้ภายในกลุ่มก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นการล้อกันเล่นซึ่งเป็นปกติของภาษา และจะเลือนหายไปตามกาลเวลา แต่การนำไม่ใช้เชิงสาธารณะดังที่ไปตั้งเป็นชื่อภาพยนตร์ ถือว่าไม่เหมาะสมนัก[4] เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2554 กนกวลี ชูชัยยะ เลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน กล่าวว่า สถานการณ์ภาษาไทยในปัจจุบันยังไม่ถึงขั้นวิกฤต และวัยรุ่นใช้ภาษาแช็ตเฉพาะบนอินเทอร์เน็ต และสื่อสารภายในวัยรุ่นเท่านั้น ยังไม่พบนำมาใช้ในการเขียนหรือการทำงานแต่อย่างใด[5]ลักษณะและตัวอย่าง[แก้]สะกดผิดได้ง่าย เป็นรูปแบบของคำที่มีการสะกดผิด ซึ่งเกิดจากคำที่มีการผันอักษรและเสียงไม่ตรงกับรูปวรรณยุกต์[ต้องการอ้างอิง]
- สนุ๊กเกอร์ (สนุกเกอร์)
- โน๊ต (โน้ต)
- โทสับ (โทรศัพท์)
- นู๋ (หนู)
- ชะมะ,ชิมิ,ชะ (ใช่ไหม)
- มว๊าก,ม๊วฟ (มาก)
- ป่าว , ป่ะ, ปล่าว (เปล่า)
- คัย, ไค, ครัย (ใคร)
- เตง, ตะเอง (ตัวเอง)
- เก๊า, เก๊าท์ (เขา)
- เทอ, เทอร์ (เธอ)
- ค้ะ , คร๊ , คร้ะ , ค่า , ค้า (ค่ะ)
- คร้าบ , คับ , คัฟ , คร๊าฟ,ครัช,ครัส (ครับ)
- บร๊ะ (พระ)
- เกรีeu (เกรียน)
- uou (นอน)
- Inw, เมพ (เทพ)
- กำ (กรรม)
- ถ่าม (ถาม)
- จุงเบย (จังเลย)
- ไข่ตุ้ม (ไข่ต้ม)
- ฝัร,ฝรร (ฝัน)
- ขรรม (ขำ)
- เป็นอะไร → เปงราย, เปนรัย, เปงรัย
- ทำไม → ทามมาย, ทามมัย
- จังเลย → จังรุย, จังเยย, จุงเบย
- บอกตรง ๆ → บ่องตง
- นิดนึง → นิสนึง, นิสนุง
- น่ารำคาญ → น่ามคาน
- สุด ๆ → ฝุด ๆ
- ไม่รู้ → มะรุ
คำที่สะกดผิดเพื่อลดความหยาบของคำ หรืออาจใช้หลีกเลี่ยงการกรองคำหยาบของซอฟต์แวร์[ต้องการอ้างอิง]
- กู → กรู, กุ, กรุ
- มึง → มรึง, เมิง, มืง
- ไอ้สัตว์ → ไอ้สาด, ไอ้สัส, ไอสัก
- โคตร → โคโตะ, โคด , โครต ,โคตะระ
- พ่อมึงตาย → พ่องจาย, พ่องตาย
- เหี้ย → เห้ , เชี่ย
- แม่ง → แมร่ง
- ควาย → ฟาย
- อ๊าย → แอร๊ยย, อร๊ายยย, อั้ยยะ
- กรี๊ด → กี๊สส
- โฮก → โฮกกก (ซ้ำ ก)
- เกม → เกม
- มัน → มันส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น